เมนู

พื้นดินเลวฉันใด เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง
งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์
บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่อัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์และปริพาชกของเรา.
เหล่านั้น (ในที่สุด) ฉันนั้น.

ว่าด้วยการแสดงธรรมเปรียบด้วยขวดน้ำ 3 ใบ



[605] ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะอัญเดียรถีย์ สมณะพราหมณ์
และปริพาชกจะพึงรู้ธรรมแม้บทเดียว ความรู้ของเขานั้นพึงเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์สุขแก่เขาสิ้นกาลนาน ดูก่อนนายคามณี บุรุษมีขวดน้ำ ใบ
คือ ขวดน้ำใบหนึ่งไม่มีช่อง ใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้ ใบหนึ่งไม่มีช่อง
ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ ใบหนึ่งมีช่อง ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ ดูก่อน
นายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษคนโน้นต้องการจะ
กรอกน้ำใส่ พึงกรอกน้ำใส่ในขวดไม่มีช่องใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้
หรือขวดน้ำไม่มีช่อง ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ หรือว่าขวดน้ำที่มีช่อง ใส่น้ำได้
เจ้าของใช้ก่อน.
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุรุษคนโน้นต้องการจะกรอกน้ำใส่
พึงกรอกน้ำใส่ในขวดน้ำไม่มีช่อง ใส่น้ำไม่ได้ เจ้าของไม่ใช้ แล้วพึงกรอก
น้ำใส่ในขวดน้ำไม่มีช่อง ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ แล้วพึงกรอกน้ำใส่ในขวด
น้ำมีช่อง ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้บ้าง ไม่กรอกใส่บ้าง ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะที่สุดจักเป็นน้ำสำหรับล้างสิ่งของ.

[606] . ดูก่อนนายคามณี ขวดน้ำไม่มีช่อง ใส่น้ำไม่ได้
เจ้าของไม่ใช้ฉันใด เราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง
งานในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์
บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่ภิกษุและภิกษุณีของเราเหล่านั้น ฉันนั้น ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ มีเราเป็นที่พึ่ง มีเราเป็นที่เร้น
มีเราเป็นที่ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่ ดูก่อนนายคามณี ขวดน้ำไม่มีช่อง
ใส่น้ำได้ เจ้าของใช้ฉันใดเราย่อมแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามใน
ท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่อุบาสกและอุบาสิกาของเราเหล่านั้น ( เป็น
ที่สอง ) ฉันนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะอุบาสกอุบาสิกาเหล่านั้น มีเรา
เป็นที่พึ่ง มีเราเป็นที่เร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่ ดูก่อน
นายคามณี ขวดน้ำมีช่อง ใส่น้ำได้ทั้งเจ้าของใช้ฉันใด เราย่อมแสดงธรรม
อันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์
พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่อัญเดียรถีย์ สมณะ
พราหมณ์ และปริพาชกของเราเหล่านั้น (ในที่สุด) ฉันนั้น ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะแม้ไฉนอัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์ และปริพาชก
จะพึงรู้ทั่วถึงธรรม นั้นแม้บทเดียว ความรู้นั้นก็พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุข
แก่เขาสิ้นกาลนาน.
[607] เมื่อผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว นายบ้านนามว่า
อสิพันธกบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรม

เทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมโดย
อเนกปริยาย ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง
หรือส่องไฟในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ได้ ฉันนั้น ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรม
และภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์
ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
จบ เทศนาสูตรที่ 7

อรรถกถาเทศนาสูตรที่ 7



ในเทศนาสูตรที่ 7 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ชงฺคลํ แปลว่า เป็นดินแข็งไม่อ่อน. บทว่า โอสรํ เป็น
ดินมีเกลือเกิดเอง (ดินเค็ม) บทว่า ปาปภูมิ แปลว่า เป็นพื้นดินเลว.
ในบทว่า มํทีปา เป็นต้น มีวินิจฉัยว่า ภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ ชื่อว่า
มํทีปา เพราะพวกเธอมีเรา (ตถาคต ) เป็นที่พึ่ง เป็นที่อาศัย. ชื่อว่า
มํเลณา เพราะพวกเธอมีเราเป็นที่เร้น เป็นที่พักอยู่. ชื่อว่า มํตาณา
เพราะพวกเธอมีเราเป็นที่ช่วย เป็นที่รักษา. ชื่อว่า มํสรณา เพราะ
พวกเธอมีเราเป็นสรณะ ทำภัยให้พินาศ. บทว่า วิหรนฺติ ความว่า
ทำเราให้เป็นที่พึ่งเป็นต้นอย่างนั้นอยู่. บทว่า โคภตฺตํปิ ความว่า เพราะ
ไม่มีผลาหารคือ ข้าวเปลือก จึงเกี่ยว ( ข้าวที่หว่านในนาเลว ) มัดเป็นฟ่อนๆ
เก็บไว้ โคทั้งหลายจักได้เคี้ยวกินในฤดูร้อน (แล้ง ). บทว่า อุทกมณิโก
ได้แก่ภาชนะพิเศษที่ได้ชื่ออย่างนั้น เพราะมีสายรัดขวดคาดไว้ที่ท้อง